วันจันทร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2559

Charm Bracelet สร้อยข้อมือ ชาร์มสุดฮิตจากฝั่งตะวันตกมาสู่เอเชีย

Charm Bracelet คืออะไร หลายๆคนคงไม่เคยรู้ประวัติจริงๆของเครื่องประดับสุดฮิตนี้ แต่ถ้าได้ไปเดินห้างหรือตลาดนัดก็มีขายไปทั่ว สวยและน่าจับจองเป็นเจ้าของ สาวๆเมืองไทยก็นิยมกันมากไม่แพ้ต่างชาติเลย ในความหมายของคำว่า Charm Bracelet ก็คือ เครื่องประดับจิวเวอรี่ที่ไว้สำหรับสวมใส่ที่ข้อมือ โดยที่จะประดับชาร์ม(Charm)ห้อยเรียงกันบน สร้อยข้อมือ ลักษณะเป็นจี้ห้อยลงมาจากตัวสร้อย มีมากมายหลายแบบและในแต่ละชาร์มก็มีความหมาย และเรื่องราวที่แตกต่างกันไป เป็นเอกลักษณ์ในตัวของมันเอง

ประวัติของ Charm Bracelet

จุดเริ่มต้นของการสวมใส่ชาร์มนั้น ก็เช่นเดียวกับการห้อยพระของไทยนั่นเอง คือสวมใส่ชาร์ม(Charm)ไว้เป็นเครื่องลางเพื่อป้องกันวิญญาณชั่วร้ายหรือความโชคร้าย 

ในช่วงยุคก่อนประวัติศาสตร์ เครื่องประดับชาร์ม (Charm) นั้นจะทำมาจากเปลือกหอยกระดูกสัตว์หรือดินเหนียว แล้วหลังจากนั้นก็ได้เปลี่ยนแปลงไปเป็นอัญมณี แร่หินและไม้

ขอยกตัวอย่างชาร์มที่มีหลักฐานอ้างอิงจากหลายๆ แห่งบนโลก  อาธิเช่น ได้มีการค้นพบเครื่องประดับชาร์มทางแถบทวีปแแอฟริกา ซึ่งทำจากเปลือกหอย และมีอายุราวๆ 75,000 ปี, ส่วนในประเทศเยอรมันก็มีชาร์มที่ทำจากงาของช้างแมมมอธแกะสลัก มีอายุราวๆ 30,000 ปี และในความเชื่อของชาวอียิปต์โบราณ พวกเขาก็ใช้ชาร์มเป็นสัญลักษณ์ของความซื่อสัตย์และความโชคดี และชาร์มก็ยังเป็นเครื่องประดับสำหรับพระเจ้า เพื่อระบุตัวตนของพระองค์หลังจากฟื้นคืนชีพจากความตาย

ในช่วงของจักรวรรดิโรมันรุ่งเรือง ชาวคริสเตียนจะมีชาร์มเป็นรูปปลาตัวเล็กๆ ซ่อนเก็บอยู่ในเสื้อผ้าของพวกเขา ไว้เพื่อที่จะพิสูจน์ตัวเองกับคริสเตียนคนอื่นๆ และในช่วงเวลาเดียวกันนั้นนักวิชาการชาวยิว ก็จะเขียนข้อกฎหมายของพวกยิวและใส่ไว้ในชาร์ม ห้อยไว้รอบคอของพวกเขา โดยมีนัยยะที่ว่าให้กฎหมายได้อยู่ใกล้หัวใจของพวกเขาตลอดเวลา แม้แต่อัศวินยุคกลางก็ยังสวมใส่ชาร์มเช่นกัน เพื่อปกป้องตัวเองจากการต่อสู้ในสนามรบ ชาร์มนิยมสวมใส่กันในยุคมืดเพื่อแสดงถึงแหล่งกำเนิดของครอบครัวและความเชื่อมั่นทางศาสนาและการเมือง

สร้อยข้อมือ ชาร์ม(Charm Bracelet)นั้นได้รับกระแสความนิยมมาจากหลายๆทาง และ สร้อยข้อมือ ชาร์มชิ้นแรกได้ถูกสวมใส่โดยชาวอัสซีเรีย บาบิโลเนีย เปอร์เซียและฮิตไทต์ และเริ่มปรากฎขึ้นเมื่อ 600-400 ปีก่อนคริสตกาล

ยังมีอีกหนึ่งตัวอย่างหนึ่งที่ทำให้สร้อยข้อมือชาร์มเป็นที่นิยมมาก ก็คือ สมเด็จพระราชินีวิกตอเรียแห่งอังกฤษ ท่านรักการสวม สร้อยข้อมือ ชาร์ม และยังเป็นผู้ที่ริเริ่มแฟชั่นชาร์มในหมู่ชนชั้นสูงของยุโรป ชาร์มได้เป็นเครื่องประดับที่นิยมมากในเวลานั้น เนื่องมาจาก พระองค์ได้ทำชาร์มแกะสลัก โดยใส่ภาพวาดและเส้นผมของเจ้าชายอัลเบิร์ตไว้ในล็อคเก็ตชาร์ม เพื่อเป็นการไว้ทุกข์ และระลึกถึงพระสวามีของพระองค์ หลังจากสินพระชนม์ไปแล้ว


ในปี 1889, ทิฟฟานี่ แบรนด์เครื่องประดับสุดหรู ได้ทำการเปิดตัว สร้อยข้อมือ ชาร์มครั้งแรกของพวกเขา สร้อยข้อมือ ที่มีสายโซ่และหัวใจเดียวห้อยจากสร้อยข้อมือ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่โดดเด่นมากสำหรับทิฟฟานี่จนถึงทุกวันนี้

แม้กระแสความนิยมจะตกต่ำลงในช่วงปี ค.ศ. 1920 ถึง 1930 แพลทินัมและเพชร ก็ได้ถูกนำมาใช้เพื่อการผลิต สร้อยข้อมือ ชาร์ม

ในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง หลังจากสงครามสงบลงแล้ว เหล่าทหารได้สั่งทำเครื่องประดับชาร์มจากช่างฝีมือในเขตพื้นที่ที่พวกเค้าได้ไปรบ เพื่อนำกลับบ้านไปมอบให้กับคนรักที่รอคอยพวกเค้าอยู่ที่บ้าน, วัยรุ่นอเมริกันในช่วงปี 1950 จนถึงต้นปี 1960 ก็ได้มีการเก็บสะสมชาร์มเช่นกัน เพื่อเป็นที่ระลึกในเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตของพวกเขา อย่างเช่น ชาร์มที่เป็นสัญญลักษณ์ของอลิซาเบธ เทย์เลอร์และโจแอนนา ครอว์ฟอร์ด ก็เป็นทีสนใจและนิยมสะสมอย่างมาก

ถึงแม้ความนิยมและการผลิตจะลดหายลงไปบ้างในช่วงหลังของศตวรรษที่ 20 หลังจากนั้นก็ได้มีการฟื้นตัวของความนิยมกลับมาอีกครั้งหลังจากปี 2000 และนักสะสมของโบราณต่างก็กระหายหา สร้อยข้อมือชาร์มสไตล์วินเทจ เนื่องมาจากแรงบันดาลใจจากภาพยนตร์โจรสลัดในทะเลคาริบเบียนที่โด่งดัง สร้อยข้อมือ ชาร์มประดับด้วยดาบ ไม้กางเขนและกะโหลกศีรษะ ถูกนำมาเป็นเทรนด์แฟชั่นอีกครั้งในช่วงฤดูหนาวของปี 2006


European Charm Bracelets
สร้อยข้อมือ ชาร์มสไตล์ยุโรป เริ่มต้นเมื่อปี 2002 เทรนด์ใหม่สำหรับสร้อยข้อมือชาร์มได้เกิดขึ้นทั้งในยุโรปและอเมริกาเหนือ ซึ่งประกอบด้วยสร้อยหรือกำไลข้อมือ ทีสามารถถอดแยกชิ้นส่วนใช้ห่วงโซ่คล้องกัน และสามารถใส่ลูกปัดหรือชาร์ม (Charms) แทนกันได้ ชาร์มนั้นผลิตขึ้นจากทองคำ เงินแท้ หรือแก้วมูราโน่ ถูกนำมาใส่รวมกันตามแต่รสนิยมของผู้สวมใส่ ลูกปัดเหล่านี้มีการผลิตออกมามากมาย มีทั้งรูปสัตว์ รูปคน ดอกไม้ สัญลักษณ์ต่างๆ ตัวอักษร ตัวการ์ตูน แบ่งแยกไปตามความสนใจหรือหมวดหมู่ เพื่อสนองต่อความต้องการของผู้สวมใส่ ราคาของลูกปัดเหล่านี้ มีตั้งแต่น้อยที่สุด $20 ไปจนถึงหลายร้อยดอลลาร์ขึ้นอยู่กับมูลค่าของวัสดุที่ผลิต ทองคำ ทองคำขาวและเพชร


Trollbreads
เดิมทีนั้นบริษัท Danish Jewellery ซึ่งตั้งอยู่ที่ประเทศเดนมาร์ก ภายใต้แบนรด์ Trollbeads ก่อตั้งขึ้นในปี 1976 ได้เป็นผู้ริเริ่มผลิต สร้อยข้อมือ ชาร์มเทรนด์ใหม่แบบนี้ขึ้น หลังจากที่แบรนด์เติบโตขึ้นและมีความนิยมเป็นอย่างมาก จึงทำให้มีหลายๆ ยี่ห้อเกิดขึ้นมา เช่น Biagi, Chamilia, Love-links, Persona, Novobeads, Oriana, Pandora, SimStars, Soufeel, Trollbeads and Zable.

คุณลักษณะที่สำคัญของลูกปัดจากแบรนด์ดังเหล่านี้คือ จะสามารถใส่เข้ากันได้กันเป็นส่วนใหญ่ อย่างเช่น ชาร์มของ Novobeads สามารถสวมใส่บน สร้อยข้อมือ Chamilia  แต่เมื่อเปรียบเทียบกับ Pandora ซึ่งเป็นข้อยกเว้น สร้อยข้อมือของแบรนด์ดังเหล่านี้จะเป็นลักษณะเหมือนเกลียวถักขึ้นมา และชาร์มก็ถูกออกแบบมาเพื่อสกรูยึดกับตัวสร้อยให้พอดี ดังนั้นหากต้องการที่จะใส่ชาร์มต่างแบรนด์กันบน สร้อยข้อมือ Pandora หลุมของชาร์มจะต้องมีขนาดใหญ่พอกับขนาดของสร้อยข้อมือ Pandora

สร้อยข้อมือ ลูกปัดของแบรนด์เหล่านี้ สามารถเลือกปรับแต่งได้ตามใจชอบ อย่าง Trollbeads หากคุณซื้อสร้อยคอของแบนรด์นี้ ก็จะไม่มีตัวล็อคสร้อย (Clasps) มาพร้อมกับสร้อยคอ แต่คุณก็มีตัวเลือกอื่นอีกหลายแบบให้เลือกเช่นกัน อาจจะใช้เป็นตัวตะขอเกี่ยวคล้องกันก็ได้

กระแสแฟชั่นสำหรับเครื่องประดับแบบแยกส่วน 'เพิ่มลูกปัด' ประสบความสำเร็จและเฟื่องฟูในยุค 80


Italian Charm Bracelets

ปกติชาร์ม (Charms) โดยทั่วไปจะมีขนาดเล็ก และมักจะห้อยออกมาจากสร้อยข้อมือหรือสายโซ่ อย่างไรก็ตาม สร้อยข้อมือ ชาร์มสไตล์อิตาลีนั้น มีรูปทรงที่แตกต่างกันออกไป ในแต่ละชาร์มจะแยกออกจากกันและทดแทนกันได้ มันจะวางราบแนบกับข้อมือและล็อคกับชาร์มตัวถัดไป คล้ายๆกับหนังยางยืด ดูๆไปแล้วก็เหมือนสายนาฬิกาข้อมือ เครื่องมือที่ใช้ต่อตัวชาร์มเข้าด้วยกันนั้นมีจำหน่ายทั่วไป แต่คุณก็สามารถใช้นิ้วมือถอดเปลี่ยนได้เช่นกัน 






อ้างอิงจาก : wikipedia.org
แปลและเรียบเรียงโดย : เมธิตา สร้อยสังวาลย์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น